กล้ายอมรับข้อบกพร่องของตนเองและพัฒนาให้ดีขึ้น นิสัยที่ได้จากการเล่นฟุตบอล

เป็นเรื่องปกติที่คนเราย่อมมีข้อบกพร่องในตัวเองทั้งสิ้น ไม่มีใครดีเลิศแบบ 100% แต่คนที่มักถูกยอมรับต้องเป็นคนที่รู้ว่าข้อเสียเหล่านั้นคืออะไร จากนั้นจึงค่อย ๆ พัฒนาและแก้ไขให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิม หากทำได้สำเร็จก็เท่ากับปรับปรุงจนบางเรื่องที่เคยเป็นจุดด้อยถูกกลบอย่างไม่มีไอปะทุใดขึ้นมาอีก ด้วยเหตุนี้การเล่นฟุตบอล จึงถือเป็นแนวทางชั้นเยี่ยมสำหรับการมองเห็นข้อผิดพลาดของตนเอง และไม่ใช่แค่เรื่องกีฬา แต่ยังต่อยอดสู่เรื่องอื่นในชีวิตได้อีกด้วย

อย่าเอาความอิจฉา มาขวางกั้นการพัฒนาทักษะและฝีเท้าของตนเอง

ความน่าเสียดายอย่างหนึ่งสำหรับนักฟุตบอลหรือนักกีฬาหลาย ๆ คนนั่นคือ เมื่อเห็นคนอื่นทำได้ดีกว่ามักรู้สึกอิจฉา ไม่ชอบใจ ทั้งที่ความจริงสิ่งเหล่านี้สามารถพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้ อาจไม่เก่งเท่าคนอื่น แต่เมื่อฝีเท้าและทักษะสูงโค้ชย่อมมองเห็น ดังนั้นพ่อแม่จึงถือเป็นอีกบุคคลสำคัญที่ต้องใส่ใจและพยายามสังเกตลูกถึงอาการหรือปฏิกิริยาของเขาที่เกิดขึ้นตลอด เพื่อปรับทัศนคติ และช่วยให้เป็นเด็กที่พร้อมสำหรับการลงสนามจริงทั้งกายและใจ

ให้กำลังใจตนเองเพื่อการพัฒนาตามเป้าหมาย อีกสิ่งดี ๆ ที่ได้จากฟุตบอล

การมีเป้าหมายในชีวิตคือเรื่องสำคัญที่ไม่ใช่แค่วัยรุ่น หรือวัยทำงานเท่านั้น แต่วัยเด็กตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ เมื่อพวกเขาเริ่มมีแนวคิดเป็นของตนเองมากขึ้น การสร้างเป้าหมายอย่างเหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต่อยอดความสำเร็จให้กับตนเอง รวมถึงยังทำให้เคยเป็นนิสัยไปจนโต มากไปกว่านั้นพอมีจุดมุ่งหมายแล้วคนเราก็มักต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอยู่เสมอ ตรงนี้เองที่พ่อแม่อาจคาดไม่ถึงว่าเมื่อลูกมีโอกาสเล่นฟุตบอล นี่เป็นสิ่งที่เขาจะได้รับ

เมื่อยังไม่มีโอกาสลงสนาม จึงต้องหมั่นฝึกฝนให้หนักขึ้นกว่าเดิม

สำหรับเด็ก ๆ ที่เป็นนักฟุตบอล หรือนักกีฬาประเภทใดก็ตาม เมื่อตนเองฝึกซ้อมมาได้สักระยะย่อมคาดหวังการได้สัมผัสเกมจริง อยากลงสนามเพื่อพิสูจน์ทักษะ ซึ่งมักมีบ่อยครั้งที่โค้ชยังเล็งเห็นศักยภาพของคนอื่นมากกว่า ส่งผลถึงความเครียด กดดัน ขณะที่ตัวผู้ปกครองเองก็มักไม่เข้าใจว่าทำไมลูกของตนเองไม่ได้ลงสนาม ลองปรับทัศนคติใหม่จากเดิมที่ไม่ได้ลงสนามมาเป็นการหมั่นฝึกฝนตนเองให้หนักขึ้นกว่าเดิม เพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ และไม่ต้องกดดันโค้ชด้วยวิธีต่าง ๆ จะดีที่สุด

1 2 3 4 5 120